เมื่อพูดถึงการ อัลตราซาวด์ หลายคนคงนึกถึงการตรวจครรภ์หรือการดูทารกในครรภ์แน่ๆ แต่ในการแพทย์เพื่อเสริมความงาม เทคโนโลยีอัลตราซาวด์สามารถนำมาใช้เพื่อยกกระชับใบหน้า เพื่อทำใหน้าใบหน้าของเรานั้นเรียวสวยและมีความกระชับมากขึ้นได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นวิธีการที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่นานอีกด้วย ซึ่งต่างจากการผ่าตัดลดแก้มหรือลดกรามที่ใช้เวลาเยอะกว่าและยังเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอีกด้วย ดังนั้นวิธีการยกกระชับใบหน้าด้วยอัลตราซาวด์ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายและไม่ต้องการเจ็บตัวหรือได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดนั่นเอง
เมื่อกาลเวลาผ่านไปแน่นอนว่าอะไรที่เคยเต่งตึงก็ต้องหย่อนยานลงตามเวลาที่ผ่านไป เหมือนกับใบหน้าของเราที่เมื่อเราอายุมากขึ้นก็จะเริ่มมีริ้วรอย ตีนกา ความเหี่ยวหย่น เกิดขึ้นบนใบหน้า จึงทำให้ใบหน้าของเรานั้นดูแก่ดูไม่สดใส ยิ่งบางคนยังไม่ทันจะ30 ก็เริ่มมีรอยเหี่ยวหย่นปรากฏให้เห็นแล้ว ทั้งนี้ก็อาจมีผลจากการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนด้วย ใครเครียดหรือทำงานหนัก พักผ่อนน้อยก็มีโอกาสที่จะมีใบหน้าดูแก่ก่อนวัยได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเรามีปัญหาเราก็ต้องหาทางแก้ไข การศัลยกรรมผ่าตัดก็เป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจ แต่แน่นอนว่าต้องมีคนที่ไม่กล้าหรือกลัวผ่าตัดอยู่แล้ว เราจึงมีวิธีการยกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอและยังปลอดภัยมาก อย่างการยกกระชับใบหน้าด้วยอัลตราซาวด์มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน
Ulthera อัลเทอรา ช่วยยกกระชับใบหน้า
การยกกระชับใบหน้าด้วยคลื่นอัลตราซาวด์หรือที่หลายคนอาจรู้จักกันในชื่อ อัลเธรา หรือ อัลเทอรา (Ulthera) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อเสริมความงาม ที่มีการใช้เครื่องมือที่สามารถยิงเลเซอร์ส่งผ่านคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงอย่างอัลตราซาวด์ได้ จึงนำเครื่องมือชนิดนี้มาใช้ในการยกกระชับใบหน้านั่นเอง
โดยเครื่องมือจะส่งพลังคลื่นเสียงไปยังบริเวณชั้นผิวหนังที่จะทำการรักษา คลื่นเสียงจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรลาสต์ในชั้นกล้ามเนื้อ ให้มีการหดตัวคล้ายกับการเย็บเนื้อเยื่อ เพื่อให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ออกมา ก็จะช่วยให้เรามีใบหน้าที่กระชับและเรียวมากขึ้น เช่นดียวกันกับผิวหน้าที่มีความเรียบเนียนและสว่างใสขึ้น
ขั้นตอนการยกกระชับใบหน้าด้วยอัลเทอรา Ulthera
ในการยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่องอัลเทอราอาจใช้เวลาทำประมาณ 30 – 60 นาทีต่อหนึ่งครั้งการทำ โดยจะเริ่มต้นจากการที่แพทย์ให้ยาชาบนบริเวณผิวหนังที่จะส่งคลื่นเสียง หลังจากที่ยาชาทำงานแล้วแพทย์ก็จะใช้คลื่นเสียงจากอัลเธราส่งลงไปเป็นจุดเล็กๆอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทิ้งระยะห่างระหว่างจุดประมาณ 1 – 1.5 มิลลิเมตร แน่นอนว่าการที่เราใช้คลื่นอัลตราซาวด์ในการทำงาน เราจึงสามารถเห็นภาพชั้นผิวหนังของเราผ่านหน้าจอได้อีกด้วย ซึ่งตัวแพทย์เองก็จะทำงานควบคู่กับการดูหน้าจอที่แสดงภาพชั้นผิวหนังของเราไปด้วย วิธีการนี้จึงมีความปลอดภัยสูงมากและมั่นใจได้เลยว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน
ผลลัพธ์ที่ได้สามารถเห็นได้ทันทีหลังการรักษา และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 3 เดือน ส่วนผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่กับเราได้ประมาณ 1 – 2 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลตัวเองของแต่ละคนด้วยนั่นเอง ถ้าอยากให้ผลลัพธ์อยู่กับเราไปนานๆ เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนั่นเอง
วิธีการเตรียมตัวและดูแลตัวเองหลังการทำอัลเทอรา Ulthera
ก่อนที่เราจะเข้ารับการกระชับใบหน้าด้วยอัลเทอรา เราควรจะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือชนิดนี้ให้แน่ชัดก่อน ถึงแม้ว่าอัลเธราจะมีความปลอดภัยสูงมากแต่แน่นอนว่าเราก็ควรหาข้อมูลไว้ก่อน เพื่อให้เข้าใจกระบวนการในการทำงานเบื้องต้นของเจ้าเครื่องมือชนิดนี้ เมื่อเวลาไปพบแพทย์หรือปรึกษากับแพทย์เราจะได้เข้าใจสิ่งที่แพทย์บอกง่ายขึ้นอีกด้วย
ส่วนขั้นตอนในการพบแพทย์นั้นแพทย์อาจจะถามคำถามเราเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ และอธิบายการทำงานของอัลเธราให้เราเข้าใจ รวมถึงการตรวจเช็คสภาพผิวหนังของเราว่ามีสภาพผิวเป็นอย่างไรและต้องยิงกี่จุด เพื่อให้เราได้รับผลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง
ส่วนการดูแลตัวเองหลังการทำอัลเธราก็ไม่มีอะไรมาก เพราะการยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายเรามาก ในบางรายอาจจะพบผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการทำอัลเธราอย่าง ผิวหนังอาจมีอาการบวมแดง หรืออาการระบม ซึ่งสิ่งที่เราควรทำก็คืออย่าให้บริเวณที่ทำอัลเธราได้รับการกระทบกระเทือนแรงๆ ส่วนอาการบวมก็สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการลงได้ ส่วนการแต่งหน้าและการบำรุงผิวก็สามารถทำได้ปกติ แต่ควรที่จะทาครีทกันแดดบนผิวบริเวณที่ทำหากต้องออกไปข้างนอก และควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดส่องนาน ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ หากเราต้องการเข้ารับบริการทำเลเซอร์หรือการเสริมความงามอื่นๆที่ใช้เลเซอร์ยิงบนใบหน้าก็สามารถทำได้เลย
ค่าใช้จ่ายในการทำอัลเทอรา Ulthera
ในการยกกระชับผิวหน้าด้วยอัลเธราจะราคาเริ่มต้นจึงอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทต่อการทำหนึ่งครั้ง โดยราคาจะขึ้นอยู่กับบริเวณผิวหนังที่เรามีปัญหาหรือบริเวณที่เราต้องการจะแก้ไขปัญหานั่นเอง ทั้งนี้ราคาก็อาจถูกลงได้ถ้าเราเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีโปรโมชั่นได้อีกด้วย
